สรุป DiabetesGuardian — ผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
หนูเริ่มสนใจทำหัวข้อนี้เพราะเห็นแชทครอบครัวที่พ่อกับแม่คุยกัน เรื่องที่ต้องเจอภาวะน้ำตาลฉุกเฉินแบบไม่ทันตั้งตัว และหลายแอปในปัจจุบันยังขาดการแจ้งเตือนที่ทันเวลาและแม่นยำ
Last updated
หนูเริ่มสนใจทำหัวข้อนี้เพราะเห็นแชทครอบครัวที่พ่อกับแม่คุยกัน เรื่องที่ต้องเจอภาวะน้ำตาลฉุกเฉินแบบไม่ทันตั้งตัว และหลายแอปในปัจจุบันยังขาดการแจ้งเตือนที่ทันเวลาและแม่นยำ
Last updated
รายละเอียดโปรเจค โปรเจคนี้หนูตั้งใจพัฒนาแอปพลิเคชันที่จะช่วยเตือนระดับน้ำตาลแบบเรียลไทม์ได้เลย แล้วถ้าระดับน้ำตาลต่ำเกินไป ก็จะแจ้งเตือนฉุกเฉินไปให้คนใกล้ชิดรู้ นอกจากนี้ แอปจะเรียนรู้พฤติกรรมของเรา เช่น กินอะไร นอนตอนไหน เครียดไหม แล้วจะเอาข้อมูลพวกนี้มาช่วยแนะนำว่าเราควรกินคาร์โบไฮเดรตเท่าไหร่ถึงจะดี แล้วก็ถ้าเรามี CGM หรือ Smartwatch ก็จะพยายามให้เชื่อมต่อกันได้ด้วย โดยที่จะใช้โมเดล LSTM กับ Kalman Smoothing
โดยโมเดลที่จะใช้ในการพัฒนาโปรเจคนี้คือโมเดล LSTM + Kalman Smoothing
และใช้ชุดข้อมูล , , , ,
บนแพลตฟอร์ม Python (TensorFlow/PyTorch)
พยากรณ์น้ำตาลล่วงหน้า: เดาแนวโน้มน้ำตาลจากข้อมูลสุขภาพและพฤติกรรมของเรา
ปุ่ม SOS: กดปุ๊บ! แจ้งเตือนคนใกล้ชิดผ่าน LINE/SMS/Email ถ้าน้ำตาลต่ำ
คำนวณน้ำตาลคร่าวๆ: ดูว่าพฤติกรรมกับอาหารที่เรากินมันจะส่งผลกับน้ำตาลยังไง
แนะนำอาหาร: บอกว่าควรกินอะไร ปริมาณคาร์โบไฮเดรตเท่าไหร่ถึงจะเหมาะกับเรา
ประเมินระดับเบาหวาน: บอกสถานะเราคร่าวๆ ว่าปกติ เสี่ยง หรือเป็นเบาหวานแล้ว
เชื่อมต่อกับอุปกรณ์: พยายามดึงข้อมูลจาก Smartwatch หรือ CGM มาใช้ (อันนี้อาจจะยังทำไม่ได้ค่ะ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์)
บทความนี้ใช้โมเดล LSTM (Long Short-Term Memory) เพื่อพยากรณ์ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน โดยอาศัยข้อมูลที่วัดจากเครื่องตรวจน้ำตาล (SMBG)
ใช้ข้อมูลจากผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เก็บข้อมูลน้ำตาล 4 ครั้ง/วัน
ใช้โมเดล LSTM ทำนายค่าในอนาคต
แบ่งข้อมูลเป็น train 80%, test 20%
ใช้ Adam Optimizer และ RMSE วัดความแม่นยำ
ผลลัพธ์
ค่า RMSE ประมาณ 18.79 mg/dL
สามารถทำนายได้แม่นพอสมควร
ข้อดี
ใช้โมเดล LSTM ที่เหมาะกับข้อมูลลำดับเวลา
ทำงานกับข้อมูลจริงของผู้ป่วย
เหมาะกับการเริ่มต้นพัฒนาโมเดล AI ด้านสุขภาพ
ข้อจำกัด
ใช้ข้อมูลจาก SMBG เท่านั้น (ไม่ใช่ CGM)
ไม่ใช่ระบบแบบ real-time
ไม่มีการเชื่อมโยงกับพฤติกรรม เช่น อาหาร หรือกิจกรรม
บทความนี้พัฒนาโมเดล Stacked LSTM (LSTM หลายชั้น) พร้อมใช้เทคนิค Kalman Smoothing เพื่อช่วยให้ข้อมูลจาก CGM ที่มี noise แม่นยำขึ้น
ใช้ข้อมูลจากผู้ป่วยจริงในชุด OhioT1DM Dataset
ข้อมูล: น้ำตาล (CGM), คาร์บ, อินซูลิน, จำนวนก้าว
ใช้ Kalman smoothing ปรับค่าก่อนป้อนเข้า LSTM
ประเมินผลด้วย RMSE และ MAE
ผลลัพธ์
ค่า RMSE ลดลงเหลือ 5.89 mg/dL (จากเดิม 18+)
แม่นยำกว่าวิธีทั่วไปอย่าง RNN หรือ GRU
ข้อดี
ลด noise ได้ดีมาก
ใช้หลายแหล่งข้อมูลประกอบ เช่น คาร์โบ อินซูลิน
เหมาะกับพัฒนาโมเดล AI ที่แม่นยำสูง
ข้อจำกัด
ใช้ข้อมูลจากผู้ป่วยเพียง 6 คน
ยังไม่พร้อมสำหรับใช้แบบเรียลไทม์จริง
ไม่มีระบบแจ้งเตือนหรือแนะนำอาหาร
บทความนี้พัฒนา ชุดพัฒนาโปรแกรม (SDK) สำหรับแอปมือถือ เพื่อเชื่อมข้อมูลจากอุปกรณ์ต่าง ๆ (เช่น CGM, สมาร์ตวอทช์, แอปสุขภาพ) แล้วนำไปพยากรณ์ระดับน้ำตาลแบบเรียลไทม์
SDK ดึงข้อมูลจาก HealthKit, Apple Watch, Oura Ring ฯลฯ
ใช้ Ridge Regression เป็นตัวอย่างโมเดล
ทดสอบกับอาสาสมัคร 1 คน ตลอด 24 ชม.
พยากรณ์ล่วงหน้าได้ 30-60 นาที
ผลลัพธ์
พยากรณ์ได้แม่นกว่าการใช้เฉพาะ CGM
ดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์สำเร็จ
ข้อดี
ไม่ต้องให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเอง
รองรับอุปกรณ์สุขภาพจริง
SDK นำไปพัฒนาแอปอื่นต่อได้
ข้อจำกัด
ทดลองกับผู้ใช้เพียง 1 คน
ยังใช้โมเดลพื้นฐาน (Ridge)
ไม่รวม AI ล้ำลึกแบบ LSTM ภายใน SDK
Sugarmate เป็นแอปพลิเคชันบนมือถือที่ทำงานร่วมกับ CGM (Continuous Glucose Monitor) เช่น Dexcom เพื่อแสดงระดับน้ำตาลในเลือดแบบเรียลไทม์ พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อระดับน้ำตาลต่ำหรือสูงเกินไป โดยเน้นการ แจ้งเตือนฉุกเฉิน ไปยังผู้ดูแล เช่น โทรศัพท์อัตโนมัติ หรือข้อความ
ดึงข้อมูลแบบ real-time จาก CGM (เช่น Dexcom G6) ผ่านระบบ Cloud
แสดงกราฟและตัวเลขน้ำตาลในเลือดบนแอป
ส่งการแจ้งเตือนผ่านเสียง, pop-up, หรือโทรหาเบอร์ฉุกเฉินที่ตั้งไว้
สามารถตั้งเงื่อนไขการแจ้งเตือนได้เอง เช่น ระดับต่ำกว่า 70 mg/dL
เชื่อมกับ Apple Calendar, Siri Shortcuts, หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้
ผลลัพธ์ (จากประสบการณ์ผู้ใช้)
ช่วยให้ผู้ดูแลทราบสถานะผู้ป่วยได้ทันทีเมื่อน้ำตาลผิดปกติ
เพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะกรณีอยู่คนเดียว
ใช้งานร่วมกับ Dexcom ได้แบบ seamless (ไม่ต้องสแกนเอง)
ข้อดี
รองรับการ แจ้งเตือนอัตโนมัติ เมื่อระดับน้ำตาลผิดปกติ
เชื่อมกับ CGM ได้แบบ real-time
มีระบบโทรแจ้งเตือนผู้ดูแล (unique feature)
อินเตอร์เฟซใช้งานง่าย และสามารถปรับแต่งการแจ้งเตือนได้
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ข้อจำกัด
ใช้ได้กับ Dexcom เท่านั้น (ไม่รองรับ CGM ยี่ห้ออื่น เช่น Libre)
ไม่มีระบบ พยากรณ์ระดับน้ำตาลในอนาคต
ไม่มีระบบแนะนำอาหารหรือการบริโภค
ไม่สามารถปรับการแจ้งเตือนอิงตามพฤติกรรมหรือมื้ออาหาร
ไม่สามารถใช้แบบ offline (ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา)
mySugr เป็นแอปพลิเคชันมือถือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถ ติดตามระดับน้ำตาลในเลือด และพฤติกรรมสุขภาพอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก โดยสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตรวจน้ำตาล เช่น Accu-Chek เพื่อดึงข้อมูลอัตโนมัติ และประเมินค่า HbA1c โดยประมาณ
ผู้ใช้สามารถบันทึกข้อมูลน้ำตาลในเลือด, คาร์โบไฮเดรต, อินซูลิน, และกิจกรรมในแต่ละวัน
เชื่อมต่อกับ Accu-Chek Guide / Instant ผ่าน Bluetooth
ประมวลผลและแสดง กราฟแนวโน้มระดับน้ำตาล
ประเมินค่า HbA1c ตามค่าที่ผู้ใช้กรอกหรือนำเข้ามา
ส่งออกรายงานในรูปแบบ PDF สำหรับส่งให้แพทย์หรือผู้ดูแล
ผลลัพธ์ (จากการใช้งานทั่วไป)
ผู้ใช้สามารถติดตามสุขภาพได้ง่ายขึ้น
ลดภาระในการบันทึกข้อมูลด้วยระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์
ช่วยให้แพทย์เห็นแนวโน้มของระดับน้ำตาลระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น
ข้อดี
ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานทั่วไป
เชื่อมต่อกับ Accu-Chek ได้แบบอัตโนมัติ
แสดง กราฟภาพรวม และค่าเฉลี่ยต่าง ๆ ได้สวยงาม
สามารถ ส่งออกข้อมูล ไปให้แพทย์ได้ง่าย
มีระบบ gamification (เช่น monster points) เพื่อจูงใจผู้ใช้
ข้อจำกัด
ไม่มีระบบแจ้งเตือนฉุกเฉิน เช่น เมื่อระดับน้ำตาลต่ำมาก
ไม่มีการ พยากรณ์ล่วงหน้า ด้วย AI หรือโมเดลเชิงลึก
ไม่สามารถแนะนำอาหารหรือพฤติกรรมเฉพาะบุคคล
ใช้งานได้เต็มที่เมื่อเชื่อมกับอุปกรณ์ Accu-Chek เท่านั้น
ไม่มีระบบสื่อสารกับผู้ดูแลโดยตรง (ไม่มีปุ่ม SOS หรือโทรแจ้ง)
วัตถุประสงค์
พยากรณ์ระดับน้ำตาลในอนาคต
พยากรณ์แม่นยำจาก CGM + พฤติกรรม
สร้าง SDK พยากรณ์แบบ real-time
แจ้งเตือนฉุกเฉินเมื่อระดับน้ำตาลต่ำ/สูง
ติดตามสุขภาพและแนวโน้มระดับน้ำตาล
ชุดข้อมูล (Dataset)
SMBG จากผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
OhioT1DM
Apple Health + OhioT1DM
Dexcom (ผ่าน Cloud)
Accu-Chek, บันทึกด้วยตนเอง
ขนาดชุดข้อมูล
ไม่ระบุ
ผู้ป่วย 6 คน (8 สัปดาห์)
ทดสอบ 1 คนจริง + OhioT1DM
ไม่เปิดเผย
ไม่เปิดเผย
โมเดล (Model)
LSTM (1 ชั้น)
Stacked LSTM + Kalman Smoothing
Ridge Regression (โมเดลเบื้องต้น)
ไม่มีโมเดล AI
ไม่มีโมเดล AI
การทำงาน
ทำนายระดับน้ำตาลล่วงหน้า
ทำนายล่วงหน้า + ลด noise
SDK ดึงข้อมูลสุขภาพจริงแล้วพยากรณ์
แจ้งเตือนอัตโนมัติแบบโทรศัพท์/SMS
บันทึกข้อมูล, ประเมิน HbA1c, ส่งรายงาน
ความแม่นยำ (Accuracy)
RMSE ≈ 18.79 mg/dL
RMSE ลดเหลือ 5.89 mg/dL
ดีกว่า baseline (ไม่ได้ระบุ RMSE)
ขึ้นอยู่กับ CGM เดิม (Dexcom G6)
ขึ้นอยู่กับการกรอกข้อมูลหรือเครื่อง Accu-Chek
การใช้งาน
งานวิจัย / จำลอง
งานวิจัย / จำลอง
นักพัฒนาสามารถนำ SDK ไปสร้างแอป
ผู้ใช้ทั่วไปที่ใช้ Dexcom
ผู้ใช้ทั่วไป โดยเฉพาะคนใช้ Accu-Chek
ข้อดี
ใช้ LSTM กับข้อมูลจริง
แม่นยำสูง ลด noise ได้ดี
รองรับหลายอุปกรณ์, ไม่ต้องกรอกเอง
แจ้งเตือนฉุกเฉินแบบโทรได้
ใช้งานง่าย, ส่งออกข้อมูลได้
ข้อเสีย
ไม่มี CGM, ไม่ real-time
ข้อมูลจำกัด, ใช้ offline smoothing
ใช้โมเดลง่าย, ทดลองแค่คนเดียว
ไม่ทำนาย, ไม่มีคำแนะนำ
ไม่มีแจ้งเตือนฉุกเฉิน, ไม่มี AI
การประยุกต์ใช้
พัฒนาระบบทำนาย AI เบื้องต้น
ใช้เป็นฐานสร้างระบบ AI ที่แม่นยำ
ใช้สร้างแอปที่รวมอุปกรณ์สุขภาพ
เสริมความปลอดภัยให้ผู้ป่วย
ติดตามสุขภาพระยะยาวแบบง่าย
บทความที่ยกตัวอย่างมา: โดยมากเน้นเพียงด้านเดียว เช่น การพยากรณ์ (LSTM, SDK) หรือการแจ้งเตือน (Sugarmate)
โปรเจคของฉัน: รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในระบบเดียว ได้แก่ พยากรณ์ระดับน้ำตาล, แจ้งเตือนผู้ดูแล, วิเคราะห์พฤติกรรม, แนะนำอาหาร, ประเมินระดับเบาหวาน และเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้
บทความที่ยกตัวอย่างมา: ยังไม่มีงานใดที่นำข้อมูลเช่น การนอน ความเครียด หรือการออกกำลังกายมาใช้
โปรเจคของฉัน: นำข้อมูลพฤติกรรมมาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูล CGM เพื่อช่วยแนะนำอาหารและคาดการณ์น้ำตาลได้แม่นยำยิ่งขึ้น
บทความที่ยกตัวอย่างมา: Sugarmate มีแจ้งเตือน แต่ไม่รองรับทุก CGM และต้องเชื่อม Dexcom เท่านั้น / mySugr ไม่มีแจ้งเตือน
โปรเจคของฉัน: แจ้งเตือนฉุกเฉินผ่าน LINE / SMS / Email อัตโนมัติเมื่อน้ำตาลต่ำ และมีปุ่มกดแจ้งเตือนผู้ดูแลในกรณีฉุกเฉิน
บทความที่ยกตัวอย่างมา: ไม่มีแอปหรือบทความใดที่แนะนำอาหารตามระดับน้ำตาลแบบรายบุคคล
โปรเจคของฉัน: ระบบแนะนำอาหารหรือปริมาณคาร์โบไฮเดรตจากข้อมูลการกิน + ระดับน้ำตาล + พฤติกรรมเฉพาะของผู้ใช้
บทความที่ยกตัวอย่างมา: ใช้ LSTM หรือโมเดลธรรมดา เช่น Ridge Regression (SDK)
โปรเจคของฉัน: ใช้ LSTM ร่วมกับ Kalman Smoothing เพื่อความแม่นยำและเสถียรภาพของค่าพยากรณ์ในโลกจริง
บทความที่ยกตัวอย่างมา: ส่วนใหญ่จำลองหรือเชื่อมกับอุปกรณ์เดียว (เช่น Dexcom)
โปรเจคของฉัน: รองรับทั้ง Smartwatch / CGM / อุปกรณ์สุขภาพ พร้อมเชื่อมกับ Open Food Facts และ USDA FoodData Central เพื่อประมวลผลโภชนาการอัตโนมัติ
บทความที่ยกตัวอย่างมา: ส่วนใหญ่ยังเป็นงานวิจัยหรือแอปจำกัดขอบเขต
โปรเจคของฉัน: มีความสามารถในการขยาย เช่น เพิ่ม AI, รองรับอุปกรณ์ใหม่, ปรับให้เข้ากับบุคคลได้ง่ายในอนาคต
โปรเจคของหนู มีความแตกต่างจากบทความที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ด้วยระบบครบวงจรที่ผสานการพยากรณ์ระดับน้ำตาลด้วย AI (LSTM + Kalman Smoothing), การแจ้งเตือนฉุกเฉิน, การวิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อแนะนำอาหารเฉพาะบุคคลจากฐานข้อมูลจริง และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สุขภาพ ทำให้ผู้ป่วยสามารถจัดการระดับน้ำตาลได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งแตกต่างจากงานวิจัยส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในระดับทดลอง และแอปทั่วไปที่ยังขาดฟีเจอร์สำคัญ ทำให้โปรเจคนี้โดดเด่นในด้านความแม่นยำ, ใช้งานได้จริง, รองรับการขยายในอนาคต และช่วยลดความเสี่ยงของภาวะฉุกเฉิน