Suparak Metthasat
Project
Project
  • PetBreed Identifier
  • Diabetes Risk Prediction Application Based on Daily Lifestyle Behaviors
  • ตัวอย่างบทความหรือแอพที่คล้ายคลึงกันกับโปรเจค ทั้งหมด
  • 📱สรุป DiabetesGuardian — ผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  • DiabetesGuardian — ผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  • 📚ตัวอย่างบทความหรือแอพที่คล้ายคลึงกันกับDiabetesGuardian ทั้งหมด
  • Long Short-Term Memory (LSTM)
  • Kalman Smoothing
  • 💻โปรเจคที่คล้ายกันและแหล่งข้อมูล
    • ใช้ LSTM ในการพยากรณ์ระดับน้ำตาล
    • พัฒนาแอปที่ทำ prediction แบบเรียลไทม์
    • ผสาน IoT + แจ้งเตือนฉุกเฉิน (SMS / LINE / Email)
    • ตัวอย่างแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียง
  • LLM AI (Large Language Model AI)
  • 🙏ขอให้ Project ผ่าน
  • *-*
Powered by GitBook
On this page
  • 🚀 ขั้นตอนเริ่มต้นทำโปรเจค DiabetesGuardian
  • 1. วางแผนระบบ (System Planning)
  • 2. เตรียมชุดข้อมูล (Dataset Preparation)
  • 3. สร้างโมเดล AI (Model Development)
  • 4. พัฒนา Backend/API
  • 5. พัฒนา Frontend
  • 6. เชื่อมระบบทั้งหมดเข้าด้วยกัน (Integration)
  • 7. ทดสอบและปรับปรุง (Testing & Improvement)
  • 📋 สรุปแบบสั้นที่สุด
  • 🧠 สร้างโมเดล AI (Model Development)
  • ✨ วิธีเริ่มสร้างโมเดลเอง (ง่ายกว่าที่คิด!)
  • 🚀 สรุปง่าย ๆ
  • ❓ แล้วต้องทำไงต่อ
  • 📢 หมายเหตุพิเศษ
  • 🏗️ สถาปัตยกรรมโมเดล DiabetesGuardian (เวอร์ชันต้นแบบ)
  • 1. ข้อมูลนำเข้า (Input Layer)
  • 2. การเตรียมข้อมูล (Preprocessing)
  • 3. โมเดล AI หลัก (Main AI Model)
  • 📈 ภาพรวม Flow Diagram (อ่านแบบง่าย)
  • 🎯 จุดแข็งของโมเดลนี้
  • 🔻 ต่ำกว่า 70 mg/dL = ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
  • 🔺 สูงกว่า 200 mg/dL = ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia)
  • 🎯 สรุป:
  • 🩸 ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Levels)
  • ⚠️ ถ้าสูงหรือต่ำกว่าค่านี้?
  • 🧠 หมายเหตุสำคัญ:
  • ✅ ข้อมูลโภชนาการที่ "ควรมี"
  • 💡 ควรเสริมข้อมูลอะไรอีก?
  • 🧠 ตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลอาหาร (JSON):
  • 🎯 สรุป:
  • 🩸 ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Levels)
  • ⚠️ ถ้าสูงหรือต่ำกว่าค่านี้?
  • 🧠 หมายเหตุสำคัญ:

*-*

🚀 ขั้นตอนเริ่มต้นทำโปรเจค DiabetesGuardian

1. วางแผนระบบ (System Planning)

  • กำหนดขอบเขตโปรเจค: จะทำ Prototype ก่อน หรือทำ แอปจริง

  • สรุปฟีเจอร์ที่ "ต้องมี" (MVP) เช่น

    • พยากรณ์ระดับน้ำตาล

    • แจ้งเตือนฉุกเฉิน

    • แนะนำอาหาร

  • กำหนดเทคโนโลยีที่จะใช้ (ตามที่เขียนใน GitBook)

✅ เป้าหมาย: มีภาพรวมระบบในหัวก่อน (คล้าย ๆ Flowchart หรือ Wireframe)


2. เตรียมชุดข้อมูล (Dataset Preparation)

  • โหลดชุดข้อมูลที่เลือกมาแล้ว เช่น

    • CGMacros (PhysioNet)

    • Awesome-CGM

    • Open Food Facts

    • USDA FoodData Central

    • Pima Indian Diabetes

  • สำรวจข้อมูล (Data Exploration) เช่น ใช้ Python (pandas, matplotlib) เพื่อดูว่า ข้อมูลหน้าตาเป็นยังไง มี feature อะไรบ้าง

  • ทำความสะอาดข้อมูล (Data Cleaning) เช่น เติม missing values, จัดรูปแบบเวลาให้ตรงกัน

✅ เป้าหมาย: ได้ชุดข้อมูลพร้อมใช้งานสำหรับสอนโมเดล


3. สร้างโมเดล AI (Model Development)

  • เริ่มจาก LSTM (TensorFlow / PyTorch) สำหรับพยากรณ์น้ำตาล

  • ใส่ Kalman Smoothing กรองสัญญาณก่อนเข้าตัว LSTM

  • สร้างโมเดล Classification เช่น Random Forest แยกประเภทเบาหวาน

  • ทดลองเทรนและวัดผลด้วย RMSE, MAE, Accuracy

  • ถ้ามีเวลา: ทดลองเพิ่มพฤติกรรม (การนอน, ความเครียด) เข้ามาดูผลลัพธ์

✅ เป้าหมาย: ได้โมเดล AI ที่ทำงานได้จริง


4. พัฒนา Backend/API

  • ใช้ Python (FastAPI หรือ Flask) ทำ API เช่น

    • /predict-glucose → รับข้อมูลแล้วส่งค่าคาดการณ์กลับ

    • /alert → สร้างการแจ้งเตือน

  • เชื่อมกับ Database (Firebase / PostgreSQL) เก็บข้อมูลผู้ใช้ + บันทึกสุขภาพ

✅ เป้าหมาย: มี API รองรับการทำงานเบื้องหลัง


5. พัฒนา Frontend

  • ถ้า Prototype → ใช้ Streamlit ทำเว็บแบบง่าย ๆ

  • ถ้าทำเป็นแอปจริง → Flutter / React Native

  • ออกแบบ UI สำหรับ:

    • แสดงระดับน้ำตาล

    • กราฟแนวโน้ม

    • ปุ่มกดแจ้งเตือนฉุกเฉิน

    • แสดงคำแนะนำอาหาร

✅ เป้าหมาย: ให้ผู้ใช้กรอก/ดูข้อมูลได้ง่าย


6. เชื่อมระบบทั้งหมดเข้าด้วยกัน (Integration)

  • Frontend เรียก API Backend

  • Backend ดึงผลจาก AI Model

  • แจ้งเตือนผ่าน LINE Notify / SMS

  • ทดสอบว่าใช้งานได้ครบ Loop เช่น บันทึก → พยากรณ์ → แจ้งเตือน

✅ เป้าหมาย: ระบบต้นแบบทำงานครบทุกส่วน


7. ทดสอบและปรับปรุง (Testing & Improvement)

  • ทดสอบกับข้อมูลจริง (จาก Dataset)

  • ทดสอบระบบแจ้งเตือนกรณีน้ำตาลต่ำ

  • เช็คการใช้งานจริงว่าติดปัญหาตรงไหน เช่น เวลาประมวลผล, ความแม่นยำของโมเดล

  • ปรับปรุงตาม feedback

✅ เป้าหมาย: ระบบพร้อมสำหรับการสาธิตหรือนำเสนอกับอาจารย์


📋 สรุปแบบสั้นที่สุด

วางแผน → เตรียมข้อมูล → เทรนโมเดล → ทำ Backend → ทำ Frontend → เชื่อมระบบ → ทดสอบ

🧠 สร้างโมเดล AI (Model Development)

ถามว่า "มีโมเดลสำเร็จรูปไหม?"

✅ ตอบ:

  • มีบางโมเดลหรือโค้ดตัวอย่างที่ ใกล้เคียง แต่ สำหรับโปรเจคนี้ (DiabetesGuardian) ที่ต้อง คาดการณ์ล่วงหน้า + พฤติกรรม + เตือนฉุกเฉิน → จำเป็นต้องสร้างโมเดลเอง เพื่อให้ตรงกับข้อมูลและวัตถุประสงค์ของโปรเจค


✨ วิธีเริ่มสร้างโมเดลเอง (ง่ายกว่าที่คิด!)

(1) พยากรณ์ระดับน้ำตาลล่วงหน้า

  • โมเดลที่เหมาะสม: ➔ LSTM (หลัก) หรือ GRU (ถ้าอยากเร็วขึ้นนิดหน่อย)

  • Input:

    • เวลา (timestamp)

    • ค่า CGM ที่ผ่านมา (เช่น 10 ค่า ย้อนหลัง 1 ชั่วโมง)

    • ปริมาณคาร์โบไฮเดรต, กิจกรรม, การนอน, ความเครียด (feature เพิ่มเติม)

  • Output:

    • ค่าระดับน้ำตาลล่วงหน้าในอีก 30–60 นาที

👉 โครงสร้างตัวอย่างโมเดล LSTM (PyTorch หรือ TensorFlow):

pythonCopyEditmodel = Sequential()
model.add(LSTM(64, input_shape=(timesteps, features)))
model.add(Dense(1)) # ทำนายค่าเดียว เช่น ระดับน้ำตาล
model.compile(optimizer='adam', loss='mse')

(2) จำแนกระดับเบาหวาน

  • โมเดลที่เหมาะสม: ➔ Random Forest, Decision Tree, หรือ XGBoost

  • Input:

    • ค่าเฉลี่ยน้ำตาล, พฤติกรรมสุขภาพ, ข้อมูลพื้นฐาน (อายุ, น้ำหนัก ฯลฯ)

  • Output:

    • Class เช่น "ปกติ", "ก่อนเบาหวาน", "เบาหวาน"

👉 ตัวอย่างโมเดล Random Forest:

pythonCopyEditfrom sklearn.ensemble import RandomForestClassifier
model = RandomForestClassifier(n_estimators=100)
model.fit(X_train, y_train)

(3) กรองข้อมูลก่อนเข้าระบบ (Kalman Smoothing)

  • โมเดลที่เหมาะสม: ➔ ใช้ pfilter หรือ pykalman Library ทำ Kalman Filter / Kalman Smoother เพื่อทำให้ข้อมูลน้ำตาลนิ่งขึ้นก่อนส่งเข้า LSTM

  • Input/Output:

    • Input: ค่าจาก CGM ดิบ ๆ

    • Output: ค่าที่กรอง noise แล้ว

👉 ตัวอย่างใช้ Kalman Filter:

pythonCopyEditfrom pykalman import KalmanFilter

kf = KalmanFilter(initial_state_mean=0, n_dim_obs=1)
state_means, _ = kf.em(cgm_values).smooth(cgm_values)

🚀 สรุปง่าย ๆ

งาน
โมเดลที่ใช้
หมายเหตุ

พยากรณ์น้ำตาลล่วงหน้า

LSTM + Kalman Smoothing

โมเดลหลัก

จำแนกระดับเบาหวาน

Random Forest หรือ Decision Tree

โมเดลง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน

กรอง noise จาก CGM

Kalman Smoothing

ใช้ก่อนส่งเข้า LSTM


❓ แล้วต้องทำไงต่อ

  1. เลือกโมเดลตามที่แนะนำ

  2. เตรียมชุดข้อมูลมาแบ่งเป็น train/test

  3. เทรนโมเดล

  4. วัดผล เช่น RMSE, MAE

  5. ถ้าได้ผลดี → นำไป Deploy ต่อใน Backend


📢 หมายเหตุพิเศษ

  • โปรเจคของคุณไม่ต้องใช้โมเดลใหญ่ระดับ GPT หรือ ResNet นะครับ เพราะเน้น "อนุกรมเวลา" ที่สำคัญคือข้อมูลต่อเนื่อง

  • การใช้ LSTM แบบง่าย + Kalman Smoothing + Random Forest ก็พอแล้ว สำหรับต้นแบบที่นำเสนอได้

  • หากอาจารย์ถาม "ทำไมไม่ใช้ GRU อย่างเดียว?" ให้ตอบว่า "LSTM สามารถเก็บข้อมูลระยะยาวได้ดีกว่าในหลายกรณี และเหมาะกับการคาดการณ์สุขภาพในช่วงเวลานาน ๆ"


🏗️ สถาปัตยกรรมโมเดล DiabetesGuardian (เวอร์ชันต้นแบบ)

1. ข้อมูลนำเข้า (Input Layer)

  • ค่าระดับน้ำตาลในเลือดย้อนหลัง (CGM readings)

  • พฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น มื้ออาหาร, เวลานอน, ความเครียด, กิจกรรม

  • ข้อมูลเซ็นเซอร์สุขภาพ (Smartwatch): HR, SpO2, การเดิน

  • เวลาที่บันทึกข้อมูล (timestamp)


2. การเตรียมข้อมูล (Preprocessing)

  • กรองสัญญาณ CGM ด้วย Kalman Smoothing → เพื่อขจัด noise

  • Normalize ข้อมูลทั้งหมดให้อยู่ในสเกลเดียวกัน เช่น 0–1

  • สร้างลำดับข้อมูล (Sequence Data) สำหรับ LSTM เช่น 1 ชั่วโมงล่าสุด = 12 จุด (ทุก 5 นาที)


3. โมเดล AI หลัก (Main AI Model)

3.1 พยากรณ์ระดับน้ำตาลล่วงหน้า (30–60 นาที)

  • LSTM Layer 1: รับข้อมูลอนุกรมเวลา

  • LSTM Layer 2: เรียนรู้ความสัมพันธ์ระยะยาว

  • Dense Layer: สรุปผลลัพธ์ขั้นสุดท้าย

Output: ค่าคาดการณ์ระดับน้ำตาลในอนาคต


3.2 จำแนกระดับเบาหวาน (เบาหวาน/ก่อนเบาหวาน/ปกติ)

  • Random Forest Classifier (หรือ Decision Tree)

Input: ข้อมูลพื้นฐานเช่น HbA1c, ค่าเฉลี่ยน้ำตาล Output: ระดับเบาหวาน


3.3 ระบบแจ้งเตือนฉุกเฉิน

  • ถ้าโมเดลพยากรณ์น้ำตาล <70 mg/dL ใน 30 นาทีข้างหน้า ➔ ส่ง LINE/SMS/Email แจ้งเตือนผู้ดูแลทันที


3.4 ระบบแนะนำอาหาร

  • ดึงข้อมูลโภชนาการจาก Open Food Facts หรือ USDA

  • Rule-based System หรือ ML Model วิเคราะห์:

    • น้ำตาลต่ำ ➔ แนะนำอาหารเพิ่มคาร์โบไฮเดรต

    • น้ำตาลสูง ➔ แนะนำอาหารลดคาร์โบไฮเดรต


📈 ภาพรวม Flow Diagram (อ่านแบบง่าย)

plaintextCopyEditข้อมูลจากผู้ใช้ + Smartwatch + CGM
            ↓
 Kalman Smoothing (กรอง noise)
            ↓
  - LSTM (พยากรณ์ระดับน้ำตาล)
  - Random Forest (จำแนกระดับเบาหวาน)
            ↓
    ระบบวิเคราะห์ผลลัพธ์
            ↓
     - แจ้งเตือนฉุกเฉิน
     - แนะนำอาหารเฉพาะบุคคล

🎯 จุดแข็งของโมเดลนี้

  • ใช้ Kalman Filter ทำให้ข้อมูลนิ่ง ก่อนเข้าโมเดล → แม่นยำกว่า LSTM เดี่ยว ๆ

  • ใช้ LSTM ซึ่งเหมาะกับข้อมูลอนุกรมเวลา → คาดการณ์ได้แม่น

  • เสริมด้วย Random Forest → แยกกลุ่มผู้ใช้ตามระดับเบาหวาน

  • มีระบบ แจ้งเตือนอัตโนมัติ แบบ proactive (ก่อนเกิดเหตุ)

  • มีระบบ แนะนำอาหาร ทำให้ไม่ใช่แค่ติดตาม แต่ช่วยปรับพฤติกรรมด้วย


🔻 ต่ำกว่า 70 mg/dL = ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)

รายละเอียด
ความหมาย

< 70 mg/dL

น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป

< 54 mg/dL

อันตรายระดับรุนแรง (Severe hypo)

📍 อาการที่อาจเกิดขึ้น:

  • เวียนหัว

  • หัวใจเต้นเร็ว

  • เหงื่อออก

  • มือสั่น

  • สับสน

  • เป็นลม

📌 วิธีแก้เบื้องต้น:

ให้รับน้ำตาลเร็ว เช่น น้ำผลไม้ 1/2 แก้ว, ลูกอม 3–4 เม็ด (แล้ววัดซ้ำใน 15 นาที)


🔺 สูงกว่า 200 mg/dL = ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia)

รายละเอียด
ความหมาย

> 200 mg/dL หลังอาหาร

น้ำตาลสูงผิดปกติ

> 250 – 300 mg/dL

เริ่มเสี่ยงภาวะ "กรดคีโต" (Ketoacidosis) โดยเฉพาะในเบาหวานชนิดที่ 1

> 600 mg/dL

อันตรายรุนแรง (เช่น HHS – Hyperosmolar Syndrome ในเบาหวานชนิดที่ 2)

📍 อาการที่อาจเกิดขึ้น:

  • ปากแห้ง กระหายน้ำมาก

  • ปัสสาวะบ่อย

  • เหนื่อย เพลีย

  • ตามัว

  • คลื่นไส้ หรือถึงขั้นหมดสติ (กรณีรุนแรง)


🎯 สรุป:

ช่วงระดับน้ำตาล
ความหมาย
ความเสี่ยง

< 70 mg/dL

Hypoglycemia

อันตรายต่ำเกิน – เสี่ยงหมดสติ

70–130 mg/dL

ปกติ (ก่อนอาหาร)

ดี

< 180 mg/dL

ปกติ (หลังอาหาร)

ดี

> 200 mg/dL

Hyperglycemia

เสี่ยงสูง – ควรจัดการ


หากคุณพัฒนาแอป แนะนำให้มี:

  • การแสดง ช่วงสี/ความเสี่ยง

  • การแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อ <70 หรือ >200

  • ระบบแนะนำการแก้ไขเฉพาะหน้า เช่น "ดื่มน้ำหวานทันที", "พัก-ตรวจซ้ำ"


🩸 ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Levels)

ช่วงเวลา
คนทั่วไป
คนเป็นเบาหวานควรควบคุมให้อยู่ที่

ขณะอดอาหาร (Fasting) (ก่อนอาหารเช้า)

70 – 99 mg/dL

80 – 130 mg/dL

หลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง

< 140 mg/dL

< 180 mg/dL

ก่อนนอน

90 – 120 mg/dL

100 – 140 mg/dL

HbA1c (เฉลี่ย 3 เดือน)

< 5.7%

< 7.0% (เป้าหมายทั่วไป)


⚠️ ถ้าสูงหรือต่ำกว่าค่านี้?

สถานะ
ค่า Fasting
คำอธิบาย

ปกติ

70 – 99 mg/dL

ไม่มีเบาหวาน

ก่อนเบาหวาน (Pre-diabetes)

100 – 125 mg/dL

ควรเริ่มควบคุมอาหาร-ออกกำลังกาย

เบาหวาน (Diabetes)

≥ 126 mg/dL (2 ครั้งขึ้นไป)

วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน


🧠 หมายเหตุสำคัญ:

  • ระดับน้ำตาลในแต่ละคน อาจมีเป้าหมายเฉพาะ ขึ้นกับอายุ, โรคร่วม, หรือคำแนะนำของแพทย์

  • ผู้สูงอายุหรือคนที่มีความเสี่ยงน้ำตาลต่ำ อาจตั้งเป้าให้สูงกว่าเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย


หากคุณกำลังพัฒนาแอป ควรมีระบบที่:

  • ป้อนค่าน้ำตาลเข้าไป และแจ้งว่าอยู่ในเกณฑ์หรือไม่

  • แสดงสี เช่น เขียว (ปกติ), เหลือง (เริ่มเสี่ยง), แดง (ควรพบแพทย์)

  • หรือแจ้งเตือนเมื่อใกล้เข้าสู่ภาวะ hypo/hyperglycemia


✅ ข้อมูลโภชนาการที่ "ควรมี"

ข้อมูล
ความสำคัญ

คาร์โบไฮเดรต

มีผลโดยตรงกับระดับน้ำตาลในเลือด (ยิ่งมาก → น้ำตาลในเลือดขึ้นเร็ว)

น้ำตาล (รวม Added Sugar)

เป็นส่วนหนึ่งของคาร์บ แต่มีผลพุ่งเร็วมาก

โซเดียม

ไม่ขึ้นน้ำตาลโดยตรง แต่เกี่ยวกับความดัน – ถ้าเบาหวาน+ความดันสูง จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น


💡 ควรเสริมข้อมูลอะไรอีก?

ข้อมูลเสริม
เหตุผล

ใยอาหาร (Fiber)

ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล

ไขมัน

ทำให้ย่อยช้าลง (ชะลอน้ำตาลพุ่ง)

โปรตีน

ช่วยให้อิ่มนาน และไม่พุ่งน้ำตาล

ปริมาณที่กิน (กรัม/หน่วยบริโภค)

จำเป็นต่อการคำนวณปริมาณจริง เช่น GL (Glycemic Load)

Glycemic Index (GI)

ใช้ร่วมกับปริมาณคาร์บ เพื่อคำนวณระดับน้ำตาลที่ขึ้นจริง

เวลา/ช่วงที่กิน (ก่อนนอน, หลังออกกำลัง ฯลฯ)

มีผลต่อการพยากรณ์น้ำตาล (ในบางโมเดล)


🧠 ตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลอาหาร (JSON):

jsonCopyEdit{
  "food_name": "ข้าวผัดหมู",
  "carbohydrate_g": 45,
  "sugar_g": 5,
  "fiber_g": 3,
  "protein_g": 12,
  "fat_g": 10,
  "sodium_mg": 800,
  "serving_size_g": 250,
  "glycemic_index": 70
}

🎯 สรุป:

ถ้าคุณจะพัฒนาโมเดลพยากรณ์ระดับน้ำตาลจากอาหารที่กิน ข้อมูลหลักที่ ควรมี คือ:

  • คาร์โบไฮเดรตรวม

  • น้ำตาล

  • ใยอาหาร

  • ปริมาณที่บริโภคจริง

  • ค่า GI (ถ้ามี)

  • เวลา + พฤติกรรมก่อนหน้า (เช่น นอน, ออกกำลัง, ความเครียด ฯลฯ) สำหรับโมเดลที่แม่นยำยิ่งขึ้น


หากคุณต้องการ Dataset อาหารแบบนี้ (ภาษาไทยหรือสากล), หรืออยากให้ช่วยวางโครงสร้างฐานข้อมูล/โมเดล LSTM ที่รับค่าพวกนี้ บอกได้นะครับ อยากได้ Dataset แบบไหนเป็นพิเศษไหมครับ?

4o

You said:

คนเป็นเบาหวานระดับน้ตาลต้องอยู่ที่ เท่าไหร่

ChatGPT said:

สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน (Diabetes) หรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่ “เหมาะสม” หรือ “ควรอยู่ในเกณฑ์” จะแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสุขภาพรายบุคคลครับ


🩸 ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Levels)

ช่วงเวลา
คนทั่วไป
คนเป็นเบาหวานควรควบคุมให้อยู่ที่

ขณะอดอาหาร (Fasting) (ก่อนอาหารเช้า)

70 – 99 mg/dL

80 – 130 mg/dL

หลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง

< 140 mg/dL

< 180 mg/dL

ก่อนนอน

90 – 120 mg/dL

100 – 140 mg/dL

HbA1c (เฉลี่ย 3 เดือน)

< 5.7%

< 7.0% (เป้าหมายทั่วไป)


⚠️ ถ้าสูงหรือต่ำกว่าค่านี้?

สถานะ
ค่า Fasting
คำอธิบาย

ปกติ

70 – 99 mg/dL

ไม่มีเบาหวาน

ก่อนเบาหวาน (Pre-diabetes)

100 – 125 mg/dL

ควรเริ่มควบคุมอาหาร-ออกกำลังกาย

เบาหวาน (Diabetes)

≥ 126 mg/dL (2 ครั้งขึ้นไป)

วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน


🧠 หมายเหตุสำคัญ:

  • ระดับน้ำตาลในแต่ละคน อาจมีเป้าหมายเฉพาะ ขึ้นกับอายุ, โรคร่วม, หรือคำแนะนำของแพทย์

  • ผู้สูงอายุหรือคนที่มีความเสี่ยงน้ำตาลต่ำ อาจตั้งเป้าให้สูงกว่าเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย


หากคุณกำลังพัฒนาแอป ควรมีระบบที่:

  • ป้อนค่าน้ำตาลเข้าไป และแจ้งว่าอยู่ในเกณฑ์หรือไม่

  • แสดงสี เช่น เขียว (ปกติ), เหลือง (เริ่มเสี่ยง), แดง (ควรพบแพทย์)

  • หรือแจ้งเตือนเมื่อใกล้เข้าสู่ภาวะ hypo/hyperglycemia

Previousขอให้ Project ผ่าน

Last updated 1 month ago