Suparak Metthasat
Project
Project
  • PetBreed Identifier
  • Diabetes Risk Prediction Application Based on Daily Lifestyle Behaviors
  • ตัวอย่างบทความหรือแอพที่คล้ายคลึงกันกับโปรเจค ทั้งหมด
  • 📱สรุป DiabetesGuardian — ผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  • DiabetesGuardian — ผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  • 📚ตัวอย่างบทความหรือแอพที่คล้ายคลึงกันกับDiabetesGuardian ทั้งหมด
  • Long Short-Term Memory (LSTM)
  • Kalman Smoothing
  • 💻โปรเจคที่คล้ายกันและแหล่งข้อมูล
    • ใช้ LSTM ในการพยากรณ์ระดับน้ำตาล
    • พัฒนาแอปที่ทำ prediction แบบเรียลไทม์
    • ผสาน IoT + แจ้งเตือนฉุกเฉิน (SMS / LINE / Email)
    • ตัวอย่างแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียง
  • LLM AI (Large Language Model AI)
  • 🙏ขอให้ Project ผ่าน
  • *-*
Powered by GitBook
On this page
  • 🔹 คุณสมบัติของ LLM AI
  • 🔹 ตัวอย่างของ LLM AI ที่เป็นที่รู้จัก
  • 🔹 LLM AI ทำงานอย่างไร?
  • 🔹 ข้อดีของ LLM AI
  • 🔹 ข้อจำกัดของ LLM AI
  • 🔹 แนวทางในการสร้าง LLM AI แบบ Open Source
  • 🔹 ตัวอย่างเครื่องมือช่วยพัฒนา
  • 🔹 สรุป

LLM AI (Large Language Model AI)

ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการฝึกจากข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้สามารถเข้าใจ สร้าง และตอบสนองต่อข้อความในรูปแบบที่ซับซ้อนและเป็นธรรมชาติได้

🔹 คุณสมบัติของ LLM AI

  1. เข้าใจและสร้างภาษา

    • สามารถเข้าใจคำถามและให้คำตอบในภาษามนุษย์ได้ดี

    • สร้างข้อความ เช่น บทความ โค้ดโปรแกรม หรือสคริปต์ได้

  2. เรียนรู้จากข้อมูลมหาศาล

    • ฝึกจากข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มาก เช่น หนังสือ, เว็บไซต์, โค้ด และบทสนทนา

    • ยิ่งมีข้อมูลเยอะและหลากหลาย ความสามารถของโมเดลก็จะดีขึ้น

  3. ทำงานแบบ Context-aware

    • สามารถจดจำบริบทของการสนทนาและตอบโต้ได้อย่างมีเหตุผล

    • ใช้การวิเคราะห์ข้อความก่อนหน้าเพื่อให้คำตอบที่เหมาะสม

  4. ทำงานได้หลากหลาย

    • ใช้ในงานด้าน Chatbot, การสรุปข้อมูล, การแปลภาษา, การวิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ

    • รองรับหลายภาษาและสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับงานเฉพาะทางได้

🔹 ตัวอย่างของ LLM AI ที่เป็นที่รู้จัก

  • ChatGPT (OpenAI)

  • GPT-4 (OpenAI)

  • Gemini (Google DeepMind)

  • Claude (Anthropic)

  • Llama (Meta)

🔹 LLM AI ทำงานอย่างไร?

  1. ใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) โดยเฉพาะ Transformer Model ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ช่วยให้ AI เข้าใจและสร้างภาษามนุษย์ได้ดี

  2. ใช้การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) เพื่อจับรูปแบบของข้อมูลและพัฒนาให้ตอบสนองได้แม่นยำขึ้น

  3. ฝึกจากข้อมูลมหาศาล และอาศัย เทคนิคการจูนโมเดล เช่น Fine-tuning และ RLHF (Reinforcement Learning from Human Feedback) เพื่อให้ตอบได้ดีขึ้น

🔹 ข้อดีของ LLM AI

✅ ช่วยลดเวลาการทำงาน เช่น การสรุปเอกสาร การเขียนโค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล ✅ ทำให้การโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์เป็นธรรมชาติมากขึ้น ✅ สามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เหมาะกับงานที่ต้องการได้

🔹 ข้อจำกัดของ LLM AI

❌ อาจให้ข้อมูลผิดหรือมีอคติ (Bias) ❌ ต้องใช้พลังประมวลผลสูง ❌ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูลที่ใช้ฝึก

สรุปแล้ว LLM AI เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารและทำงานกับข้อมูลในรูปแบบข้อความได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในงานหลายด้าน เช่น Chatbot, การสรุปข้อมูล และการพัฒนาโปรแกรม! 🚀

🔹 แนวทางในการสร้าง LLM AI แบบ Open Source

  1. เลือกโมเดล Open Source ที่เหมาะสม

    • ปัจจุบันมีโมเดล LLM แบบโอเพนซอร์สให้เลือกหลายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการ เช่น

      • LLaMA 2 (Meta) – ประสิทธิภาพสูง ใช้งานได้ฟรีสำหรับการพัฒนา

      • Mistral 7B – ขนาดเล็กแต่เร็ว เหมาะกับการใช้งานบนฮาร์ดแวร์ที่จำกัด

      • Falcon – โอเพนซอร์สเต็มรูปแบบจาก UAE

      • GPT-NeoX / GPT-J (EleutherAI) – โมเดลทางเลือกของ GPT-3

      • BLOOM (BigScience) – รองรับหลายภาษา

  2. เตรียมฮาร์ดแวร์ให้พร้อม

    • ถ้าใช้ On-Premise ต้องมีเซิร์ฟเวอร์หรือ GPU ที่แรง เช่น

      • NVIDIA A100 / H100 / RTX 4090

      • RAM ขนาด 64GB+ สำหรับโมเดลขนาดใหญ่

    • ถ้าใช้ Cloud แนะนำบริการ เช่น

      • Google Cloud TPU / GPU

      • AWS EC2 (g5/g4dn Instances)

      • Azure AI Virtual Machines

  3. ดาวน์โหลดและติดตั้งโมเดล

    • โหลดจาก Hugging Face 🤗 หรือ Model Zoo ต่าง ๆ

    • ใช้ไลบรารีเช่น transformers ของ Hugging Face

      bashCopyEditpip install transformers accelerate
    • โหลดโมเดลมาทดสอบ

      pythonCopyEditfrom transformers import AutoModelForCausalLM, AutoTokenizer  
      
      model_name = "meta-llama/Llama-2-7b-chat-hf"  
      tokenizer = AutoTokenizer.from_pretrained(model_name)  
      model = AutoModelForCausalLM.from_pretrained(model_name)  
  4. ปรับแต่งโมเดล (Fine-Tuning)

    • ถ้าต้องการให้ AI เหมาะกับงานเฉพาะ เช่น แชทบอทขององค์กร หรือวิเคราะห์เอกสารเฉพาะทาง

    • ใช้ LoRA (Low-Rank Adaptation) เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเทรน

    • ใช้ QLoRA ถ้าต้องการรันบนเครื่องที่มี VRAM จำกัด

  5. Deploy และใช้งาน

    • API Server: ใช้ FastAPI หรือ Flask เพื่อสร้าง API สำหรับเรียกใช้งาน

    • Local Inference: ใช้ llama.cpp หรือ text-generation-webui เพื่อรันบน CPU/GPU


🔹 ตัวอย่างเครื่องมือช่วยพัฒนา

เครื่องมือ
คำอธิบาย

Hugging Face Transformers

ไลบรารีสำหรับใช้และเทรนโมเดล LLM

LangChain

ช่วยเชื่อม LLM กับฐานข้อมูล/แอปพลิเคชัน

Llama.cpp

รันโมเดล LLaMA บน CPU ได้

Ollama

ใช้งาน LLM บนเครื่องตัวเองแบบง่าย ๆ

FastAPI

ใช้สร้าง API เพื่อเรียกใช้งาน LLM


🔹 สรุป

✅ สามารถสร้าง LLM AI แบบ Open Source ได้ โดยเลือกโมเดลที่เหมาะสม เช่น LLaMA 2, Mistral, Falcon ✅ ใช้ทรัพยากรให้เหมาะสม เช่น GPU / Cloud หรือเทคนิคลดภาระการประมวลผล เช่น LoRA ✅ ปรับแต่งให้เหมาะกับงาน เช่น Fine-Tuning หรือใช้ Prompt Engineering ✅ Deploy บนเครื่องตัวเองหรือ Cloud ผ่าน API เพื่อให้พร้อมใช้งาน

ถ้าจะทำระบบแชทบอท หรือ AI วิเคราะห์ข้อมูลภายในองค์กร LLM Open Source เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย และควบคุมข้อมูลได้ดีกว่า AI เชิงพาณิชย์! 🚀

Previousตัวอย่างแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียงNextขอให้ Project ผ่าน

Last updated 3 months ago